String ใน Lodash

ใน Lodash, มีฟังก์ชันที่ช่วยในการจัดการและประมวลผลข้อมูลประเภทสตริง (strings) และการทำงานกับสตริงในแบบต่างๆ นี่คือบางฟังก์ชันที่ Lodash มีสำหรับการจัดการข้อมูลสตริง:

  1. _.capitalize(string): ใช้สำหรับแปลงสตริงให้เริ่มต้นด้วยตัวอักษรใหญ่และตัวอักษรที่เหลือเป็นตัวเล็ก.

    1
    2
    const str = 'hello world';
    const capitalizedStr = _.capitalize(str); // 'Hello world'
  2. _.lowerCase(string): ใช้สำหรับแปลงสตริงให้เป็นตัวเล็กทั้งหมดและจัดรูปแบบให้เหมาะสำหรับการใช้เป็น URL หรือชื่อไฟล์.

    1
    2
    const str = 'Hello World';
    const lowerCaseStr = _.lowerCase(str); // 'hello world'
  3. _.upperCase(string): ใช้สำหรับแปลงสตริงให้เป็นตัวใหญ่ทั้งหมดและจัดรูปแบบให้เหมาะสำหรับการใช้เป็นชื่อตัวแปรหรือชื่อคลาส.

    1
    2
    const str = 'Hello World';
    const upperCaseStr = _.upperCase(str); // 'HELLO WORLD'
  4. _.camelCase(string): ใช้สำหรับแปลงสตริงให้เป็นรูปแบบ Camel Case (ตัวเล็กเริ่มต้นแต่ตัวหลังตัวเล็กจะเป็นตัวใหญ่).

    1
    2
    const str = 'hello world';
    const camelCaseStr = _.camelCase(str); // 'helloWorld'
  5. _.kebabCase(string): ใช้สำหรับแปลงสตริงให้เป็นรูปแบบ Kebab Case (คั่นคำด้วยเครื่องหมายลบ).

    1
    2
    const str = 'Hello World';
    const kebabCaseStr = _.kebabCase(str); // 'hello-world'
  6. _.snakeCase(string): ใช้สำหรับแปลงสตริงให้เป็นรูปแบบ Snake Case (คั่นคำด้วยเครื่องหมาย underscore).

    1
    2
    const str = 'Hello World';
    const snakeCaseStr = _.snakeCase(str); // 'hello_world'
  7. _.startsWith(string, target, [position=0]): ใช้สำหรับตรวจสอบว่าสตริง string นี้เริ่มต้นด้วย target ที่กำหนดหรือไม่ และรีเทิร์น true หากเริ่มต้นด้วย หรือ false หากไม่เริ่มต้นด้วย สามารถกำหนด position เพื่อระบุตำแหน่งเริ่มต้นในการตรวจสอบ.

    1
    2
    const str = 'Hello World';
    const startsWithHello = _.startsWith(str, 'Hello'); // true
  8. _.endsWith(string, target, [position=string.length]): ใช้สำหรับตรวจสอบว่าสตริง string นี้ลงท้ายด้วย target ที่กำหนดหรือไม่ และรีเทิร์น true หากลงท้ายด้วย หรือ false หากไม่ลงท้ายด้วย สามารถกำหนด position เพื่อระบุตำแหน่งสุดท้ายในการตรวจสอบ.

    1
    2
    const str = 'Hello World';
    const endsWithWorld = _.endsWith(str, 'World'); // true
  9. _.trim(string, [chars]): ใช้สำหรับลบช่องว่างหรือตัวอ

ักษรที่กำหนดใน chars จากสตริงที่รอบข้าง (ตัวอักษรเริ่มแรกและตัวอักษรสุดท้าย).

1
2
const str = '   Hello World   ';
const trimmedStr = _.trim(str); // 'Hello World'
  1. _.truncate(string, [options]): ใช้สำหรับตัดสตริงให้สั้นลงโดยรักษาข้อความที่กำหนดใน options.

    1
    2
    const str = 'Lorem ipsum dolor sit amet';
    const truncatedStr = _.truncate(str, { length: 10 }); // 'Lorem ipsu...'
  2. _.pad(string, [length=0], [chars=’ ‘]): ใช้สำหรับเติมสตริงด้วยตัวอักษรที่กำหนดใน chars เพื่อให้ความยาวของสตริงเท่ากับ length หาก length น้อยกว่าความยาวเดิมของสตริง.

    1
    2
    const str = 'Hello';
    const paddedStr = _.pad(str, 10, '-'); // '--Hello---'
  3. _.split(string, separator, [limit]): ใช้สำหรับแบ่งสตริงออกเป็นอาร์เรย์ของสตริงย่อยโดยใช้ separator ที่กำหนด และสามารถกำหนด limit เพื่อจำกัดจำนวนสตริงย่อยที่ถูกแบ่งออกมา.

    1
    2
    const str = 'apple,banana,cherry';
    const splitStr = _.split(str, ',', 2); // ['apple', 'banana']

เหล่าฟังก์ชันเหล่านี้ช่วยในการจัดการข้อมูลสตริงและการประมวลผลข้อมูลสตริงในโปรเจกต์ของคุณอย่างมีประสิทธิภาพและง่ายต่อการใช้งาน.